Taking Lives เป็นหนังฆาตกรรม ทริลเลอร์ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ ฆาตกรต่อเนื่อง และสายสืบ FBI ในพลอตเนื้อหาแบบคลาสสิก ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีหนังหลายเรื่อง ที่เดินเรื่องแบบนี้ ต่างกันแค่เรื่องนี้ มีแม่เหล็กดึงดูดอย่างแรกเลยคือ สายสืบ อิลเลียนน่า สก็อต ที่นำแสดงโดย แองเจลีน่า โจลี่ อีกทั้งตลอดทั้งเรื่อง ก็มีตำรวจสายสืบอื่นๆ เพียงประปรายที่เข้ามาช่วยในการไขคดีเท่านั้น นอกนั้นเราจะได้เห็นนางเอก สก็อตของเรา กับฆาตกรสวมรอย ในเรื่องที่ใช้ชื่อว่า มาร์ตินตลอด แต่เหมือนเป็นการเปลี่ยนหน้า เปลี่ยนตัวละครไปเรื่อย
หนังมีความน่าสนุก อยู่ที่ตัวเนื้อหาเรื่อง ที่ไม่ใช่การตามล่าโจร หรือฆาตกรเพียงเท่านั้น แต่ตัวร้ายที่ตำรวจอย่างสก็อตตามนั้น ก็ถือว่าแยบยล และมีความฉลาดอยู่พอตัว และกับลายเซ็นการทำงาน ฆ่าเหยื่อแต่ละราย ก็มีการทำตามรูปแบบตัวเองอย่างต่อเนื่อง ทีมตำรวจรวมถึงสก็อต จับทางการฆ่าของมาร์ติน ตั้งแต่เหยื่อรายแรก ที่เป้นเพื่อนร่วมทางของเขาเอง แมส ที่ตัวเขาจัดการฆ่าแบบเนียนๆ และเลือดเย็นพอสมควร
โดยศพที่เหลือเป็นหลักฐาน ให้กับทางทีมตำรวจได้ตามต่อ เป็นเพียงร่างกายที่เละ จนแทบจะจำไม่ได้ เพราะมาร์ตินได้เตะเพื่อนของเขา แมส ใส่รถที่กำลังขับสวนทางมา และหลังจากนั้นมาร์ตินก็เดินแผนตาม ที่หัวตัวเองคิดไว้ โดยการสวมรอยเป็นแมส และเหยื่อทุกคนที่เขาฆ่า ก็โดนสวมรอยหมด ยกเว้นตัวเอง ที่มาร์ตินทำให้รู้ว่า ศพของแมสคือตัวเองที่ตายไปแล้ว
ไม่มีใครเป็นใครได้ ชีวิตใครก็ชีวิตคนนั้น ผลึกความคิดที่ได้จาก Taking Lives
โดยต้องบอกก่อนว่า หนังเรื่องนี้ในหลายซีน และหลายเหตุการณ์ เราไม่สามารถหาเหตุผลในเรื่องนั้นๆ ได้ อย่างเช่น การที่มาร์ตินแกล้งสร้างสถานการณ์ว่า ตัวเองได้ตายไปแล้ว และเสมือนว่าศพแมสคือ ศพตัวเอง แล้วหลักฐานอื่นๆ หน้าตาที่หลายศพที่โดนฆ่า มาร์ตินทำยังไงให้ตัวเอง มีหน้าตา และทุกอย่างที่เหมือนกับเหยื่อ ตรงนี้ก็ยังมีความรู้สึก ที่ค้านเวลาดูอยู่ แต่เชื่อเถอะ การดูหนังทริลเลอร์บางทีก็ต้องการแค่ สนุกและปล่อยผ่านไปเท่านั้น
ในที่สุด มาร์ตินก็ไม่สามารถที่จะเป็นคนอื่นตลอดรอดฝั่ง เหมือนอย่างชื่อหนัง Taking Lives ได้ เพราะจะคอยมีหนามคอยขัดขวางแผนการของเขา ไม่ว่าจะเป็นการที่แม่ของมาร์ติน มาเจอตัวเขาโดยที่เจ้าตัวไม่เห็น และแม่ก็นำสิ่งที่เห็นไปแจ้งความ และนาทีนั้น ทั้งสายสืบที่ตามคดี รวมถึงสก็อต์ต่างรู้ว่า ฆาตกรที่ตามหานั้น ไม่ใช่ธรรมดา แถมท้ายยังมีจุดเซอร์ไพร์สให้กับคนดู และสก็อตอีกด้วย
เก่งฉลาดแค่ไหน ก็ยังต้องมีพลาด
คำพูดนี้เหมาะกับ สายสืบสก็อต เพราะคดีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า เธอไขปมได้อย่างที่ ไม่มีตำรวจคนไหนทำได้ จนถึงคดีมาร์ตินนี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่เธอเดินหมากในการตามจับได้ล้มเหลวที่สุด เพราะในที่สุด เธอก็ปล่อยให้คนร้าย หรือฆาตกรต่อเนื่องอย่างมาร์ติน มาลูบคม และเหมือนอยู่เหนือการควบคุมได้ เพราะเธอดันปล่อยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง กับมาร์ตินที่ปลอมตัวเป็น คอสต้า หนุ่มจิตรกรวาดภาพ
รวมถึงคนเรา เมื่อรู้สึกว่าตัดสินใจผิดพลาด และลงในหลุมกับดัก ของฆาตกรที่ตัวเองตามจับ ก็มักจะเหมือนโดมิโน่ ที่การตัดสินใจ และวางแผนการต่อไป ก็จะไปในทางที่คาดการณ์ผิดไปเรื่อยๆ ต่างกันแค่ คนอย่างสก็อต ในการทำงานของเธอ ที่เน้นไปที่การคิด และมุมมองในการไขปมคดีฆาตกรรมนั้น ไม่เหมือนใคร เธอมักจะคิดนอกกรอบ และมองในมุมที่ตำรวจคนอื่น คิดไม่ถึงกัน ซึ่งนั้นถือว่าเป็นข้อดีสำหรับตัวเธอ ในการทำงาน และนี่ก็ถือว่า รูปแบบการทำงานของเธอ ช่วยให้เธอหลุดออกจาก ความรู้สึกล้มเหลวได้เร็ว
รวมถึงการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง กับมาร์ติน หรือคอสต้า นั้นก็ถือว่าเป็นประโยชน์ในภายหลัง เพราะทำให้สก็อตได้รู้ตัวตน และความคิดบางส่วนของมาร์ติน รวมถึงตามทันความคิด และสิ่งที่มาร์ตินต้องการทำต่อไป แต่ก็ไม่ได้ง่ายขนาดที่ตามจับได้ทันที เพราะต้องยอมรับสำหรับคู่สก็อต และมาร์ติน ถือว่าเป็นคู่ปรับที่สูสี และดูได้แบบ คาดเดาอะไรไม่ได้เลยสำหรับหนังเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีสำหรับ มุมของคนที่ชอบดูหนังแนวสืบสวน และฆาตกรรม
แต่กระจกที่สะท้อนมาจาก แนวคิดของหนังเรื่องนี้ ก็ไม่ได้ไกลไปจากชีวิตจริงของคนเราเลย โดยเฉพาะในสังคมที่ทุกอย่าง สามารถสร้างภาพเสมือนกันได้หมด ไม่ว่าจะเป็นประวัติ รูปร่างหน้าตา การงาน ครอบครัว ฐานะ รวมถึงความคิด จิตใจ Taking Lives เลยเป็นตัวบอกเราได้ดีเลยว่า สุดท้ายแล้วหากมีคนสองคนยืนขนาบคู่กัน และบอกให้เราเลือกว่า ใครคือตัวจริง เราจะเลือกถูกหรือไม่
https://letterboxd.com/film/taking-lives/
https://medium.com/@jingolfs85/just-a-reminder-taking-lives-is-still-bad-d17fcb8bfc47
