Shutter Island หนังแนวจิตวิทยา ปนกับการไขปมการหายตัวไป ของคนไข้จิตเวชที่ชื่อ ราเชล แต่ก่อนอื่นต้องบอกให้กับ คนที่ยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ว่า ให้ทำใจกับตอนจบว่า จะไม่เป็นไปอย่างที่เราคิดไว้ตั้งแต่ตอนต้นเรื่องกันเลยทีเดียว และตอนจบของเรื่องนี้จะเป็นเสน่ห์ ให้กับอีกหลายคนที่เข้ามาดูอีกรอบสอง
เรื่องราวของนักสืบ 2 คนคือ เอ็ดดี้ และชัค ที่เป็นคู่ทำงานกัน และรับคดีสำหรับการหายตัวไปของ คนไข้โรคจิตที่ชื่อ ราเชล พักรักษาที่โรงพยาบาลบนเกาะ Shutter Island ส่วนบรรยากาศก่อนที่ 2 สายสืบจะเดินทางไปยังเกาะแห่งนี้ ต้องทำใจไว้เลยว่า ทั้งเรื่องจะเป็นแนวหม่นด้วยสีภาพ และความรู้สึก ดังนั้นหากใคร ไม่ใช่สายหนัง ที่ดูไปคิดไป และการตีความหลายซับหลายซ้อน คงต้องคิดหนักสำหรับการดูเรื่องนี้
แต่ด้วยการนำเอาตัวพระเอกอย่าง ดิคาปริโอ มาเล่นตัวละครนำ ก็ถือว่าหากการดูหนังเรื่องนี้ จะดูการแสดงของพระเอกหนุ่มคนนี้ไปด้วย ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการต้องเผชิญกับ เนื้อหาที่ดูจะหนักๆ หน่วงๆ และปนกับความคิด จิตใจ และความรู้สึก ที่สับสนทั้งตำรวจทั้งคู่ คนดู และตัวหมอ พยาบาลที่โรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย
ทุกอย่างคือสิ่งที่น่าสงสัย บนเกาะ Shutter Island
ในซีนที่ตำรวจนักสืบทั้งสอง ลงเรือเพื่อที่จะไปยังเกาะ Shutter Island แห่งนี้นั้น ภาพไกลๆ ของเกาะก็ยังดูน่าชวนฝัน และน่าจะรื่นรมย์กว่า การไปถึงยังสถานที่จริงๆ และโดยเฉพาะก้าวแรกที่เข้าไปในโรงพยาบาลแห่งนี้ รวมถึงสิ่งแวดล้อม ยิ่งสร้างความน่าสยอง และสะพรึงแบบขนลุกกันทีเดียว ทั้งๆ ที่ไม่ใช่หนังผี แต่ก็ทำให้รู้สึกแบบนั้นได้
เมื่อชัค และเอ็ดดี้เข้ามายังโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยทางจิตเวชแห่งนี้ มีหลายสิ่งที่น่าแปลกใจ ทั้งในเรื่องของคนป่วยแห่งนี้ ที่มองเอ็ดดี้ เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน หมอคอลลี่ ก็มีความน่าสงสัย ในการแสดงออกที่เคร่งขรึม แต่ในใบหน้า และแววตาบ่งบอกถึง การวางแผนในความคิดไว้ตลอดเวลา รวมถึงพัศดี และพยาบาลทุกคน ล้วนแต่แสดงออกมาเหมือนที่แห่งนี้ มีอะไรซ่อนอยู่ แต่นั่นไม่อยากให้คนดูต้องคิดมากไป เพราะหาสาเหตุ หรือคิดยังไงก็ไม่ตรงกับตอนจบอย่างแน่นอน
ดังนั้นการดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกคือ การคล้อยไปตามเนื้อหา ที่เดินเรื่องให้เราดูไปเรื่อยๆ แล้วเราจะค่อยๆ ไขปมทีละเรื่อง ซึ่งตอนแรกเชื่อได้เลยว่า ทุกคนที่ดูต้องคิดไปในทางเดียวกันหมด เหมือนหนังต้องการไกด์ ให้เราเข้าใจตามสิ่งที่เนื้อเรื่องบอก
ทั้งบทของเอ็ดดี้ ที่เป็นนักสืบเข้ามาทำคดีบนเกาะนี้ กับคนไข้ที่หายตัวไป และสงสัยทั้งบรรดา หมอ พยาบาล แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือน เป็นสาเหตุเล็กๆ ที่ก่อให้เกิดผลที่ใหญ่ตามมาคือ น้ำที่ทางโรงพยาบาลแห่งนี้ใช้ให้ ผู้ป่วยดื่มกิน รวมถึงวันแรกที่เอ็ดดี้ เดินทางมาถึงโรงพยาบาลวันแรก และบ่นว่ารู้สึกปรับตัวไม่ทัน เวียนหัว และขอน้ำจากคอลลี่ดื่มนั้น หลังจากที่เอ็ดดี้ได้ดื่มน้ำไป ให้สังเกตความเปลี่ยนแปลง แต่น้ำก็ไม่ใช่สิ่งที่ตอนจบ หนังต้องการบอกความจริงบางอย่างให้เรารู้
ยิ่งค้นหา ยิ่งจมดิ่งลงไปในความไม่รู้มากขึ้น
หลังจากที่สองสายสืบ เข้ามาถึงโรงพยาบาลแห่งนี้แล้ว ก็เหมือนกลายเป็นเหยื่อ ที่อยู่ภายใต้การควบคุม ของทั้งหมอ และพยาบาลที่นี่ รวมถึงอากาศที่ไม่เป็นใจ ทำให้ฝนตกหนักจนทั้งคู่ ไม่สามารถที่จะเดินทางกลับไปไหนได้ และยิ่งอยู่ที่แห่งนี้นาน ก็ยิ่งรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงไปของ เอ็ดดี้มากขึ้น
คนดูบางคน ที่เมื่อดูจนจบแล้ว มีความรู้สึกว่า การปล่อยให้เราดูไปตั้งแต่แรก เหมือนหลอกให้เราดู ไปพร้อมกับหลอกภาพที่เห็นของเอ็ดดี้ แต่จริงๆ แล้วไม่เป็นไปตามที่หนัง ต้องการสื่อให้คนดูได้รู้ หรือคล้ายๆ กับมีหนังสองเรื่องในเรื่องเดียว เพราะตอนเริ่มเรื่อง กับตอนจบ เอ็ดดี้เหมือนไม่ใช่คนเดียวกันเลย
จริงๆ หนังเรื่องนี้จะมีแนวโน้ม ไปทางวิเคราะห์ และสงสัยทุกคนในโรงพยาบาลอยู่แล้ว ดังนั้นการที่เราดู และปล่อยให้เนื้อเรื่องชักจูงเราไปจะดีที่สุด เพราะยังไงการคาดการณ์ หรือเดาทางหนัง ก็ไม่เจอความจริง จนกว่าจะถึงตอนท้ายของเรื่อง Shutter Island ที่ไม่มีใครน่าสงสัยเท่ากับ เอ็ดดี้อีกแล้ว
https://medium.com/j-king-s-labratory-project/movie-review-shutter-island-6822a8e1e982
