Over The Moon ถือว่าเป็นหนังที่สร้างโดย Netflix และ Pearl Studio ที่หากมองภาพภายนอกก่อนที่จะได้ มาดูหนังของจริงแล้ว คงไม่ต่างจากหนังการ์ตูนเด็กอนิเมชั่นทั่วไป แต่เมื่อได้มาดูจริงๆ จะทำให้ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่หนังเรื่องนี้ต้องการสื่อให้เห็นถึง ความสำคัญของเทศกาลคนจีนอย่าง ไหว้พระจันทร์ รวมถึงขนมธรรมเนียม ประเพณีของคนจีนด้วยแล้ว จะเป็นประโยชน์กับคนดู ที่อาจจะไม่ใช่คนเชื้อสายจีนมาโดยกำเนิด หรือดั้งเดิม รวมถึงลูกหลานคนจีนที่ห่างเหินเทศกาลนี้ไป
ภาพลายเส้น และรวมถึงการใส่รูปแบบการเคลื่อนไหว ที่ถือว่าเป็นความลงตัว และเข้ากันได้ดีของ หน้าตาตัวละคร ที่อิงไปทางคนเอเชียได้เหมือนมาก ดังนั้นเราจะรู้ได้เลยว่า วิถีชีวิตคนจีน ที่เน้นความผูกพันทางด้านครอบครัว และเห็นความสำคัญของการพบปะ อย่างน้อยๆ เทศกาลสำคัญอย่างไหว้พระจันทร์ ที่ถือว่าเป็นเวลาสำคัญที่ต้องมาเจอกันสักครั้งต่อปี
เฟยเฟย ถือว่าถ้ามองว่า เป็นเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาจาก ครอบครัวที่อบอุ่น และมีพ่อแม่อยู่พร้อม ดังนั้นเมื่อวันหนึ่งที่เธอ ต้องเจอวิกฤติทางครอบครัว ที่แม่ต้องจากไป และขึ้นไปอยู่บนสวรรค์นั้น เด็กคนหนึ่งจะสามารถ ทนรับกับ สถานการณ์ดังกล่าวได้ดีแค่ไหนกัน
คิดว่าการไป Over The Moon เป็นทางแก้ปัญหาที่ช่วยได้
อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่า เมื่อเฟยเฟย เธอต้องสูญเสียแม่ที่รักมาก และเป็นทุกอย่างของชีวิตของเธอ สนิทและใกล้ชิดกันมากที่สุด ดังนั้นในวันนี้ที่เธอต้องอยู่กับพ่อ และแถมท้ายที่พ่อของเธอ ก็ทนกับความเหงา และว้าเหว่ไม่ไหว ทำให้มีการเข้ามาของผู้หญิงอีกคน ที่มีลูกติดเหมือนกัน ในฐานะคนที่จะมาเป็นแม่คนใหม่ของเธอ ถึงแม้ว่าจะดีกับเธอแค่ไหน แต่ก็อดไม่ได้ที่ เฟยเฟย จะมองพ่อในภาพไม่ดี ว่าไม่สามารถทนกับความรู้สึกดังกล่าวได้ เมื่อเทียบกับเธอที่ยังวางแม่ ไว้เป็นเบอร์หนึ่งในใจตลอด
แต่คนเราถึงแม้จะอยู่ในครอบครัวเดียวกัน ก็ไม่สามารถใช้บรรทัดฐานเดียวกันได้ กับเหตุการณ์ที่เจอเหมือนกัน เพราะพ่อของเธอ อยากที่จะหาคนเข้ามาช่วยดูแลตัวเธอ และตัวของ เฟยเฟย หลังจากที่ได้รู้ความต้องการของพ่อแบบนี้แล้ว โครงการ Over The Moon หรือหาวิธีที่จะไปดวงจันทร์ เพื่อพิสูจน์ตำนาน ที่แม่ของเธอเคยเล่าเรื่อง แม่นางฉางเอ๋อ ที่น่าสงสารที่ต้องรอคอยชายที่เธอรัก ได้อย่างมีความหวังนั้นเป็นความจริง
จนในที่สุดเธอก็ประดิษฐ์จรวด ที่จะขึ้นไปสำรวจได้ประสบความสำเร็จ แต่ไฮไลต์คือ การที่เธอต้องการขึ้นไปบนดวงจันทร์นั้น เธอต้องการหนีความรู้สึกอึดอัด ที่ต้องเจอระหว่างความสัมพันธ์ตัวพ่อ ที่จะนำเอาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาแทนหรือไม่ และสุดท้ายสิ่งที่เธอได้เจอ กับภาพปรากฏของแม่นางฉางเอ๋อ ที่เธอเจอต้องเปลี่ยนความคิดไป และอาจเป็นข้อคิดให้เธอ ปรับความรู้สึกใหม่กับเรื่องพ่อของเธออีกด้วย
เมื่อไหร่ที่เราต้องการควบคุมทุกอย่าง เราจะผิดหวังในที่สุด
อย่างในความคิด และสิ่งที่เฟยเฟย วาดภาพครอบครัวเธอ ว่าพ่อต้องซื่อสัตย์กับแม่ และเป็นครอบครัวที่อบอุ่นเสมอไป ซึ่งในโลกความจริงนั้น เรื่องนี้คงต้องการบอกเด็กๆ อีกด้วยว่าไม่สามารถที่จะสมบูรณ์ได้อย่างนั้น และหากเกิดอะไรขึ้น ที่เราคาดไม่ถึง หรือเป็นช่องโหว่งให้กับชีวิตครอบครัว หรือเรื่องต่างๆ ในชีวิตของเรา ต้องยอมรับสภาพให้ได้ ทำความเข้าใจ และเดินต่อไป
เพราะหลักๆ นอกจากหนังเรื่องนี้ ต้องการชี้ให้เห็นความมีชีวิต ชีวาของเทศกาลสำคัญๆ อย่างไหว้พระจันทร์แล้วนั้น ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ทำอาหาร เตรียมขนมไหว้พระจัทร์ ซึ่งทำให้คนดูได้ลึกซึ้งกับขั้นตอนการทำ และสีสัน การเคลื่อนไหว รวมถึงความรู้สึกอารมณ์ ของตัวละครทำให้อดยิ้มตามไปไม่ได้ แต่อีกอย่างที่หนังต้องการสื่อนอกเหนือจากนี้คือ การเสริมภูมิต้านทานให้กับเด็กๆ ที่เป็นวันที่เกิดมาพร้อมกับ ความรวดเร็ว ความสะดวก และหลุดห่างจากการ ดูแลเอาใจใส่ในเรื่องจิตใจของตัวเองให้มาก
โดยเราจะเห็นตลอดว่า เด็กในวัยที่เพิ่งเกิดขึ้นมา ไม่สามารถรอสิ่งใดได้นานมาก หรือแม้กระทั่งการผิดหวังในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจทำให้เด็กคนนั้น เหมือนเป็นการเจอมรสุมที่ใหญ่โต สิ่งเหล่านี้นี่เองที่ Over The Moon ต้องการบอกคนดู ที่หมายรวมถึงพ่อ แม่ที่นอกจาก จะดูแลเรื่องการเติบโตทางร่างกาย และการเรียนหนังสือแล้ว ความแข็งแกร่งทางใจ ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเลย
https://parentpreviews.com/movie-reviews/over-the-moon
https://www.vulture.com/2020/09/over-the-moon-netflix-trailer.html