Earwig and The Witch กับตัวละครเด็ก อาย่า ที่หากใครไม่เคยได้ยินชื่อเรื่อง หรือชื่อตัวละครนี้มาก่อน เพียงแค่ได้เห็นหน้า เด็กคนนี้ที่มีเอกลักษณ์ ความดื้นรั้น และผมเผ้าประบ่า ไม่มีความเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ เลย คงจะชินหน้ามากกว่า หนังเรื่องนี้เมื่อได้เริ่มต้นดูนาทีแรก คิดว่าคนดูไม่น้อย ที่ต้องโดนแรงดึงดูดจาก อาย่า ที่เธอจะไม่ยอมปล่อยให้เรา กดปิดเป็นอันขาด ที่ในแต่ละซีนข้างหน้า เธอจะต้องมีเรื่องราว ที่มาเซอร์ไพร์สคนดู และไม่ปล่อยให้เรื่องราวในหนังเรื่องนี้ น่าเบื่อเลย
หากมองว่าเรื่องราวหนังอนิเมะเรื่องนี้ว่า เป็นหนังที่ต้องดราม่า เพราะเริ่มเรื่องที่สถานบ้านพักของเด็กกำพร้านั้น แต่คงต้องผิดหวัง เพราะตัวละครหลักอย่างอาย่า เธอไม่ได้มีปมด้อยเรื่องนี้เลย ในแต่ละวันที่เธอจะต้องหาสิ่งที่ทำ เพื่อเป็นเป็นแรงบันดาลใจ และสร้างพลังให้กับตัวเองตลอด ซึ่งก็ตรงข้ามกับเพื่อนสนิทที่เธอคบด้วยอย่าง คัสตาร์ด เด็กหนุ่มหน้าตาบางใส ผมสีทอง และนิสัยขี้กลัว ซึ่งตรงข้ามกับอาย่า
ดีแค่ไหน เมื่อได้แรงขับเคลื่อนจาก Earwig and The Witch
อาย่า ถือเป็นเด็กผู้หญิง ที่เหมือนภายนอกเธอจะมีนิสัย ที่ไม่ยอมใคร ดื้อ ไม่ฟังเสียงรอบข้าง แต่เธอต้องเข้าไปทดลองเอง รวมถึงเธอยังมั่นใจอีกด้วยว่า ด้วยความที่เธอมีบุคลิกแบบนี้ ใครจะเพี้ยนที่จะมีความคิดเอาเธอไปรับเลี้ยงได้ เธอเลยต้องการดึงให้ คัสตาร์ดเด็กหนุ่มเพื่อนสนิทเธอ ให้อยู่กับเธอที่สถานที่แห่งนี้ไปด้วย
แต่สิ่งที่ดีที่อาย่ามี และเราในฐานะคนดูที่อยากได้ความสนุกจากเรื่องนี้ แต่หากได้ผลึกบางอย่างจากตัวสาวน้อยคนนี้ เข้ามาใช้ในชีวิตจริงด้วย อย่างเรื่องความกล้า ซึ่งในเมื่ออาย่า ได้รับการอุปการะ และรับเป็นพ่อแม่บุญธรรมจาก เบลล่า ยากะ และแมนเดรคนั้น ซึ่งถือว่าเป็นพ่อมด แม่มด ที่ร้ายกาจ และมีความโหดในการใช้งาน และนิสัยอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เบลล่า ยากะนั้นต้องการให้ อาย่าเป็นลูกมือเธอ ในการทำเวทมนตร์ ซึ่งก่อนหน้านั้น โทมัส แมวดำก็อยู่รับใช้ในตำแหน่งนี้มาก่อน แถมเป็นแมวที่พูดได้ และมีความฉลาดในความคิด การใช้งานอาย่า ไม่ถือว่าเป็นงานสำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบนี้เลย แต่ด้วยความเหี้ยมโหด ของเบลล่า ยากะนั้น ตรงกันข้ามที่ใช้งาน อาย่าในแบบที่หนักมาก แต่ด้วยเธอเป็นเด็กใจกล้า จึงขอข้อแลกเปลี่ยนที่จะให้ เบลล่าช่วยสอนเวทมนตร์ เป็นค่าตอบแทนการเป็นลูกมือ และจุดนี้นี่แหละ ที่ทำให้อาย่าได้เจอกับสิ่งลึกลับของ ผู้หญิงผมแดงที่ต้องบอกว่า คำตอบที่ได้ถือว่า ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ชีวิตอนาคตอยุ่ในมือของเรา แต่ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีก่อน
ซึ่งประโยคนี้ สามารถใช้ได้ดีกับเด็กน้อย อาย่า ที่มีลักษณะนอกจาก ไม่กลัวอะไรแล้ว ยังเน้นหนักด้วยการที่เธอ มุ่งมองแต่สิ่งที่เธอ กำลังเจอ และทำอยู่ตรงหน้าเท่านั้น เธอจะไม่กังวลถึงเรื่องราวข้างหน้าว่า หากเธอต้องอยู่ในบ้านเดียวกับ พ่อมด แม่มด ที่มีอารมณ์ร้าย และรุนแรง รวมถึงการที่เธอเป็นลูกมือของเบลล่า ชีวิตข้างหน้าเธอจะเป็นยังไงกัน สิ่งเหล่านี้ไม่มีเคยมีในหัวของอาย่าเลย
จริงๆ การที่เราทุกคนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบในเรื่องต่างๆ จนทำให้เราหลุดจากมุมมองเด็กบางอย่าง ที่เป็นประโยชน์ไป อย่างอาย่าที่ไม่เคยมีความกังวล และทำสิ่งต่างๆ ตรงหน้าไปได้เรื่อยๆ ไม่เคยมองว่า สิ่งนั้นคือปัญหา และอุปสรรค ซึ่งหากจะบอกว่า เป็นการมองภาพทุกอย่างในทางบวก เหมือนเพื่อนสนิทของเธอ คัสตาร์ดก็ว่าได้ เพียงแต่อาย่ามีความกล้ามาเพิ่ม ในทางตรงกันข้าม คัสตาร์ดจะขี้กลัวไปทุกเรื่องที่เจอ
หากถามเราทุกคนว่า มีความกลัวกับเหตุการณ์ในวันข้างหน้าหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดำรงชีวิต หรือภาระในเรื่องครอบครัว คงไม่มีใครตอบว่า ไม่กลัว และไม่กังวล แต่หากจะดีกว่าเดิมแค่ไหน หากเราเปลี่ยนสิ่งที่เป็นเหมือน ตะกอนด้านลบที่จะนำเอาพลังงานด้านลบเข้ามาในตัว จากความกลัวเป็นการกล้าเผชิญกับทุกสิ่ง ที่ถึงแม้จะมองไม่เห็นก็ตาม เหมือนอย่าง อาย่าแห่ง Earwig and The Witch ที่นอกจากหนังเรื่องนี้จะให้ความสนุก และความแก่นเซี้ยวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว ยังช่วยให้เราในฐานะผู้ใหญ่ ได้เก็บเกี่ยวความเป็นเด็กบางอย่าง ที่ส่งผลดีให้กับตัวเราเองอีกด้วย
https://www.rogerebert.com/reviews/earwig-and-the-witch-film-review-2021
https://www.majorcineplex.com/news/3d-earwig-ghibli
https://www.looper.com/330269/the-ending-of-earwig-and-the-witch-explained/
