A Boy Called Christmas โดยเริ่มเรื่องจากการเล่าเรื่องของ ป้ารูทที่เข้ามาดูแลเด็กๆ ให้กับลุกชายของเธอ ที่ต้องไปที่ทำงานกระทันหัน โดยที่ถามว่า เด็ก 3 คนนี้ต้องการให้ป้ามาอยู่ด้วยหรือไม่ ต่างได้รับคำตอบว่า ขออยู่กันตามลำพังจะดีกว่า แต่ยังไงก็ตาม ในข้อดีของป้าที่ เด็กๆ ต่างบอกว่าแก่ขึ้นเยอะทีเดียว ก็ยังมีของขวัญ เป็นเรื่องเล่า หรือนิทานในวันคริสมาสให้กับเด็กๆ ก่อนเข้านอนกันอีกด้วย
ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเรื่องคล้องจองกันหรือไม่ ที่ในบ้านของเด็กๆ 3 คนต่างไม่ชอบป้ารูทของพวกเขา ไปเหมือนกับนิโคลัสที่ไม่ชอบป้าชาลอตเหมือนกัน ตรงนี้คนดูอาจไม่เห็นเหตุผล หรืออาจเป็นการสร้างความไม่ชอบของเด็กๆ ให้เหมือนกันอย่างไม่ตั้งใจก็เป็นได้ รวมถึงทำไมนิโคลัส ถึงได้มีอีกชื่อว่า คริสมาส ตรงนี้ก็ยังเป็นคำถามทั้งกับ นิโคลัส และพ่อของเขา และได้แต่บอกลูกตัวเองว่า แม่เป็นคนตั้งชื่อนี้ให้
รวมถึงคืนหนึ่ง ที่นิโคลัสนอนไม่หลับ และก็อยากให้พ่อของเขา เล่านิทานเกี่ยวกับเอล์ฟให้ฟัง ซึ่งต่างฝ่ายก็ไม่แน่ใจว่า ดินแดนของสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์นี้ มีจริงหรือไม่ แต่ใครจะรู้ว่า สัญญาณบอกว่า หากไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่ ก็ต้องตามหาสิ ก็มาถึงหลังจากที่นิทานเรื่องนี้ ได้เล่าจนทำให้นิโคลัสหลับลงในคืนนั้น
นิมิตที่บอกถึงสิ่งที่เล่าในนิทานให้ A Boy Called Christmas ได้ฟังไป
อย่างที่บอกไปข้างต้นแล้วว่า ใครจะรู้ว่าการที่นิโคลัส รบเร้าให้พ่อของเขาเล่าเรื่อง ดินแดนเอล์ฟให้ฟังนั้น จะกลายเป็นสิ่งที่พ่อลูกต้องเจอ กับเรื่องราวของเอล์ฟผ่านการเข้าเฝ้าพระราชาในวันนี้ ที่พระองค์ทรงเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึง และบอกปัญหาที่เจอในชีวิต เพื่อที่พระองค์จะได้มีการปกครองประเทศได้ดีขึ้น
ซึ่งไม่อยากเชื่อว่า ในหนังแนวจินตนาการ แฟนตาซีแบบนี้ ปัญหาปากท้องของประชาชนทั่วไป ก็เหมือนๆ กับปัญหาพวกเราในโลกใบนี้นี่เอง ไม่ว่าจะเป็นเสียงสะท้อนจากประชาชน ที่เข้าเฝ้าพระราชา พูดถึงเรื่องการทำกิน เพาะปลูก การเลี้ยงชีพ ซึ่งทั้งหมดทำให้พระราชา มองเห็นถึงจุดรวมของปัญหาว่า คนของพระองค์ขาด ความหวัง ในการดำรงชีวิตอยู่
จึงเป็นที่มาของการให้รางวัล สำหรับผู้ที่สามารถเดินทาง ไปยังดินแดนสุดขอบ และตามหาเอล์ฟเฮมเจอ ที่แห่งนั้นจะมี ความหวัง ที่จะเป็นสิ่งรักษาความทุกข์ของประชาชน อีกทั้งผู้ที่ทำภารกิจนี้ได้ ก็จะได้รับรางวัลเป็นตัวเงินอีกด้วย
นี่คือที่มา และจุดเริ่มต้น ที่พ่อของคริสมาส หรือ A Boy Called Christmas ต้องพาตัวเอง และกลุ่มพรานป่าไปยังดินแดน ที่พระราชาพูดถึงนี้ เพราะถือว่าค่าตอบแทนในการทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ก็จะทำให้ตัวนิโคลัส และครอบครัวสองพ่อลูก สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายในระยายาวกันเลย แต่ที่สำคัญพ่อกลับติดต่อให้พี่สาว ป้าชาลอตมาเฝ้าดูแลลูกชายของเขา ที่หารู้ไม่ว่า ลูกชายของเขาจะได้เจอกับ เหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืมกันเลย
คนในครอบครัวก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป และการเป็นผู้ใหญ่สำหรับบางคนก็น่ากลัว
หนังเรื่องนี้ จริงๆ เราสามารถดูได้แบบ สบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก และที่สำคัญถือว่าเป็นหนังที่ดี ที่เก็บไว้ดูในทุกคริสมาสแต่ละปีได้เลย เพราะนอกจากจะได้บรรยากาศของเทศกาลคริสมาสแล้ว การจูนเทศกาลนี้ กับสิ่งแวดล้อมที่หนาวเหน็บ หิมะตก กับดินแดนเอล์ฟเฮม ก็ถือว่าเหมาะสมเข้ากันได้อย่างดี
แต่สิ่งที่อาจจะถือว่า เป็นข้อคิดเตือนใจเรา ในแบบที่ไม่คาดหวังที่จะได้จากหนังเรื่องนี้คือ มุมมองที่ได้จาก ป้าชาลอตที่ต่อหน้าพ่อของนิโคลัส เราจะเห็นอีกด้านหนึ่ง ที่เหมือนรักหลาน และเป็นป้าที่อบอุ่น แต่เบื้องหลังจากที่โจเอลได้เดินทางจากไป เงามืดในอีกด้านของป้าชาลอต ก็ทำให้เรากลัวได้เหมือนกัน ที่สามารถกดขี่ และทำร้ายจิตใจนิโคลัสได้ทุกทาง รวมถึงการนำเอาหัวผักกาดที่มีหน้า ที่เป็นของสิ่งสำคัญที่แม่ของนิโคลัสทิ้งเอาไว้ให้ ไปต้มเป็นซุปให้หลานตัวเองกิน
แม้แต่มุมมองของเด็กอย่าง นิโคลัส ที่ต้องการให้พ่อของเขา ไว้ชีวิตหนูที่ภายหลังตั้งชื่อ มิกะ ว่าน่ารัก และสามารถเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเขาได้ ซึ่งหากมองในมุมผู้ใหญ่แล้ว กลับมองว่าต้องกำจัดทิ้ง เพราะถือว่าเป็นสิ่งสกปรก ทำให้เราได้เข้าใจว่า การที่บอกว่าเด็กที่อายุยังน้อยอยู่ ก็เหมือนผ้าขาว ที่ยังไม่มีการแต้มสี หรือนิสัยต่างๆ ที่ไม่เหมาะสมไว้ในจิตใจ แต่หากเราต้องโตมาเป็นผู้ใหญ่ พร้อมกับมีความชั่วร้ายเหมือนกับ ป้าชาลอตแล้วละก็ ขอมีนิสัยเป็นเด็กแบบ A Boy Called Christmas จะดีกว่า ที่มองทุกอย่างด้วยความรัก และการช่วยเหลือ ถือว่าเป็นหนังที่ผู้ใหญ่ดูแล้วได้ข้อคิด เด็กดูได้ความเพลิดเพลิน โดยเฉพาะช่วงเวลาคริสมาสของทุกปีได้เป็นอย่างดีทีเดียว
