Venom:Let There Be Carnage จุดเริ่มต้นมาจากการ์ตูนคอมิคจากค่าย มาร์เวล แต่ถ้าจะบอกชัดเจนเลยว่า ตัวเอเลี่ยนนี้จากภาคแรก ที่เป็นการกระจายเชื้อ ในห้องแล็ป มายังตัวตำรวจสายสืบอย่างเอ็ดดี้ จะเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ ตั้งแต่แรกหรือเปล่า ต้องบอกเลยว่าจะเอนไปทางตัวร้ายซะมากกว่า แต่ด้วยความตัวของเอ็ดดี้ไม่ใช่คนเลวร้าย ขนาดที่สามารถจะโดนจูงให้เป็นโจร หรือฆาตกรได้ เลยกลายเป็นว่า เอ็ดดี้เป็นฝ่ายดึงตัวเอเลี่ยนสีดำตัวนี้ หรือปรสิตเข้ามามีจิตสำนึก ในความดีบ้าง ซึ่งเราจะเห็นได้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็นภาคเริ่มต้นทำความรู้จักตัวเอเลี่ยนนี้ หรือภาคที่เกิดตัวลูกสีแดง อย่างเรื่องนี้ วีนอมจะมีความรู้สึกหลายครั้งมาก ที่ยับยั้งความต้องการตัวเองไม่ได้ ในเรื่องการอยากฆ่าคนร้าย หรือคนที่ทำไม่ดีก็อยากที่จะฆ่ากิน แม้กระทั่งใครที่ทำอะไรขวางทางในเวลาที่โกรธ ก็อยากที่จะจับกินหัว และเอ็ดดี้จะเป็นฝ่ายห้าม และมีปากเสียงกันตลอด
Venom:Let There Be Carnage เกิดการแพร่กระจายของเชื้อปรสิตอย่างไม่ตั้งใจ
การเข้าเยี่ยมนักโทษที่รอการประหารอย่าง คาซาดี้ และการเข้ามาเพื่อเขียนข่าวของเอ็ดดี้ อาจดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างการยืนคุยกันโดยมีลูกกรงเป็นตัวคั่นกลาง แต่ใครจะคาดเดาได้ว่า จู่ๆ นักโทษอย่างคาซาดี้ ก็คว้ามือของเอ็ดดี้ไปกัด และก็เป็นไปตามกฎธรรมชาติ เหมือนเราย้อนภาพเหตุการณ์ภาคแรกกลับมา เมื่อได้มีการส่งผ่านเลือดไปยังร่างของอีกคน นั่นก็แปลว่าเขื้อของ Venom แพร่เข้าไปสู่ร่างกายของคาซาดี้แล้ว เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาประกาศให้ใครได้รู้เท่านั้นเอง
เมื่อถึงเวลาที่ใช่ และโอกาสที่เหมาะสมมาถึง วันที่คาซาดี้ได้รับการประหาร แทนที่จะตายด้วยการฉีดยาพิษเข้าร่างกาย แต่เชื้อปรสิตต่อต้าน ต้องการให้ร่างของนักโทษคนนี้ยังอยู่ต่อ เพื่อที่จะเป็นเหมือนร่างพาหะ เพาะเชื้อให้วีนอมตัวลูก ที่ออกมาเป็นสีแดงส้มเหมือนชุดนักโทษที่นี่ ได้สามารถมีชีวิตอยู่ต่อ ไม่เพียงแค่นั้น เพราะวีนอมตัวลูก ต้องการเป็นที่สุดของเขื้อปรสิต ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และไม่สามารถมีวีนอมสองตัวได้ การเริ่มต้นวางแผนฆ่าเชื้อปรสิตตัวพ่อ ที่แฝงในร่างของเอ็ดดี้ก็เริ่มต้นขึ้น
ความรักเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ
เราคงคิดว่าเรื่องราวของการต่อสู้ในแบบซุปเปอร์ฮีโร่ หรือการปราบตัววายร้าย จะมีแค่ความสนุกเท่านั้น แต่เรื่องความรักในแนวแบบซุปเปอร์แมนก็มีให้ดู อย่างคู่ของเอ็ดดี้กับแอน ที่ใครหลายคนคงมองแค่ว่า เป็นเพราะเวนอมเข้ามาขวาง ไม่อย่างนั้นทั้งคู่ก็ได้แต่งงาน หรือเป็นคู่หมั้นกันแล้ว แต่จริงๆ เป็นที่ความคิดของคนทั้งคู่ไม่ตรงกัน ในส่วนของเอ็ดดี้ ยังให้งานมาก่อนผู้หญิง และส่วนลึกสำหรับแอน เธอต้องการมีผู้ชายคนหนี่ง ที่มองเห็นเธอสำคัญกว่าทุกอย่าง มาภาคนี้ แอนเลยต้องลงเอยกับคนที่เธอคิดว่า รักและเห็นเธอสำคัญที่สุดแทนเอ็ดดี้
ส่วนอีกคู่ที่เป็นตัวร้ายอย่าง คาซาดี้ที่มีแฟนกับเค้าเหมือนกัน เป็นผู้หญิงคนเดียวในชีวิต ที่มองเห็นความเป็นตัวตนของเขา และมองเห็นคุณค่าของเขา เธอชื่อชรีค ที่มีพลังพิเศษ สามารถร้องกรีดเสียงให้ทุกอย่างแหลกสลาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ หรือตัวคนที่ไม่มีใครที่จะสามารถทนฟังเสียงเธอได้ โดยเฉพาะเวนอมตัวพ่อ และตัวลูก คนทั้งคู่คิดว่าการได้เจอกัน เหมือนเป็นการสวมต่อรอยร้าว และช่องว่างที่เหมือนไม่มีใครบนโลกนี้สนใจคนทั้งสอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว เหมือนเป็นฝ่ายคาซาดี้ต่างหาก ที่เดินตามชรีคซี่งตรงนี้ เวนอมตัวลูกมองเห็นได้ดี และเมื่อเข้ามาฝังตัวในคาซาดี้แล้ว ความคิดที่มีต่อผู้หญิงคนนี้แตกต่างกัน คาซาดี้รักชรีคมาก แต่ตัวปรสิตที่อยู่ในร่างเขากลับรู้สึกว่า เธอคนนี้เหมือนตัวถ่วงให้กับคาซาดี้
หนังเรื่องนี้ยังมีจุดที่บอกความหมาย ของการทำอะไรร่วมกัน ต้องประสาน และเข้าใจกันให้ได้ดี ทั้งความคิด และการแสดงออก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาระหว่าง เอ็ดดี้กับเวนอมตัวพ่อ หรือคาซาดี้กับเวนอมตัวลูก ที่เมื่อไหร่แตกคอ ความคิดไปคนละทาง ทุกอย่างก็จบ Venom:Let There Be Carnage อาจช่วยเตือนเราในเรื่องการทำงานเป็นทีม ให้ได้งานที่ดีอาจไม่ใช่ใครคนหนึ่งเก่งเท่านั้น แต่ต้องร่วมมือแบบมองตาแล้วรู้ไปถึงใจอีกด้วย ทุกอย่างถึงจะสำเร็จได้ในแบบทีมเวิร์ค
“อ่านบทความหนังอื่นๆได้ที่นี่”
https://www.majorcineplex.com/news/
https://www.polygon.com/22701094/
สนับสนุนโดย
คาสิโนออนไลน์ / เซ็กซี่บาคาร่า / สล็อตออนไลน์