Green Book หนังแนวคอมเมดี้ แต่ก็เรียกว่า ไม่ได้ตลกแบบขำฮาเท่าไหร่ มีการสร้างจากข้อมูลเรื่องจริง ที่เป็นการเล่าเรื่องของ สองตัวละครนำหลักของเรื่อง โดยมีการเดินเรื่องง่ายๆ ต้วละครไม่ซับซ้อน บทเข้าไม่ยาก แต่สามารถให้แง่คิด และมุมมองที่ลงลึก ในแบบที่บางครั้งเรากืลืมมองไป
หนังเน้นหลักมาที่ตัวละคร ดร.ดอน นายจ้างผิวสี ที่ไม่ใช่หมอ แต่เป็นนักดนตรี โดยที่ในการงานของเขา จำเป็นต้องมีการเดินทางหลากหลายพื้นที่ และส่วนใหญ่ก็จะลงไปในตอนใต้ของอเมริกา เลยเป็นที่มาของชื่อหนังเรื่องนี้ ที่โทนี่จำเป็นต้องศึกษาหนังสือกรีนบุ๊ค สำหรับสถานที่ๆ เหมาะสม และเลี่ยงกับคนที่เหยียดผิวสี
Green Book ตลอดชีวิตที่ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลง
หนังบอกตั้งแต่ตอนเริ่มต้นเรื่อง Green Book แล้วว่าทั้งการที่โทนี่ต้องเปลี่ยนงาน ที่ตัวเขาทำเน้นไปที่ การดูแลความปลอดภัย และคอยตามเคลียร์ปัญหาให้กับ ลูกค้าที่มีปัญหาในบาร์ จนภายหลังร้านโดนปิด และต้องมาทำงานเป็นคนขับรถให้ ดร.ดอน ซึ่งการปรับตัวในการเข้าใจนายตัวเอง แบบส่วนตัวก็ถือว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย สำหรับคนอย่างโทนี่ ที่เน้นเรื่องอารมณ์ส่วนตัว และการตามใจตัวเองเป็นหลัก
รวมถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างการเดินทาง ระหว่าง ดร.ดอน และโทนี่ ทั้งการเอาอาหารเข้ามากินในรถ นิสัยพูดมาก พูดเยอะรวมถึงความไม่มีระเบียบวินัย และไม่รับผิดชอบของโทนี่ ที่ดูได้จากการเอาอาหารมากินในรถ กินเสร็จขยะก็จะโยนทิ้งข้างทาง ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่ขัดกับ ดร.ดอนหมดแต่หนังก็สามารถ ปรับจูนนความแตกต่างทั้งสองคน ให้ค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากัน ถึงแม้ในช่วงแรกจะไม่ดีสักเท่าไหร่ก็ตาม
การเหยียดสีผิว ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนมุมมอง
จริงๆ แล้วแรกเริ่ม จะเห็นได้จากสิ่งที่ภรรยาของโทนี่บอกว่า โทนี่เป็นคนเหยียดสีผิว และไม่มีทางที่จะทำงานนี้ได้ จนมาวันนี้ที่ความคิดเหล่านี้ ค่อยๆ สลายไปในความรู้สึกของเขา และด้วยการใกล้ชิดกันมากๆ สำหรับ ดร.ดอน และโทนี่ ทำให้เกิดการช่วยเหลือ และความเข้าใจในความเป็นตัวตนของอีกฝ่าย
ทั้งการช่วยเหลือในการเขียนจดหมายหาภรรยา ที่ดร.ดอนช่วยให้เนื้อหาจดหมายของโทนี่ดีขึ้น และการทำงานที่โทนี่เข้าใจในตัว ดร.ดอนมากขึ้นตามไปด้วย โดยหนังจะเน้นเรื่องสมัย 2019 fที่ยังมีการเหยียดสีผิวกันอย่างมาก ถึงแม้ตัว ดร.ดอนจะเป็นเศรษฐี และเป็นนักดนตรีเปียโน ที่มีคนรู้จักมากก็ตาม หนังบอกได้ถึงช่วงที่ ดร.ดอนต้องการเข้าห้องน้ำ ในบ้านเศรษฐีคนหนึ่ง ที่เขาได้มีโอกาสไปเล่นเปียโน แต่กลับแบ่งแยกห้องน้ำที่สกปรกให้เข้าแทน รวมถึงไม่ใช่ทุกพื้นที่ของอเมริกาใต้ ที่ดร.ดอนจะสามารถไปเล่นเปียโนได้
ระดับการเดินเรื่องของ Green Book ก็เปรียบเสมือนคนเรา ที่ค่อยๆ เติบโตไปเรื่อยๆ ทั้งความคิด และอายุ ดังนั้นในตอนต้นของหนัง ทั้งตัวละครโทนี่ และดร.ดอน กับตอนปลายเรื่องจะเห็นได้ว่า มีความเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง และเป็นส่วนที่ทำให้แต่ละตัวละครดีขึ้น ก็เหมือนกับเราทุกคน ประสบการณ์ในการเดินทาง ในแต่ละช่วงชีวิตก็หล่อหลอมให้เราทุกคน โตขึ้นและเข้าใจโลกนี้มากขึ้น
Image Credit
https://www.gqthailand.com/culture/article/green-book-movie-review