The Privilege ถือว่าเป็นหนังสัญชาติเยอรมัน ที่ทำออกมาได้ไม่ถึงกับดี หรือแย่มาก และเป็นกระแสน่าติดตามในสื่อ และคนส่วนใหญ่ ซึ่งถือว่าหนังสยองขวัญ ฆาตกรรม หรือแนวจิตวิญญาณผสมลัทธิ ก็ยังคงเป็นที่สนใจของคนทั่วไปอยู่
เพราะในธรรมชาติคนเรา มักจะอยากรู้อยากเห็น กับสิ่งที่มองไม่เห็น หาคำตอบไม่ได้กันอยุ่แล้ว และหนังพวกนี้ถ้าจะว่าไป ต้นทุนในการสร้างไม่จำเป็นต้องสูงมาก เพียงแต่ของให้เนื้อหาดี วางพลอตตลอดทั้งเรื่องให้น่าติดตาม แค่นี้ก็คิดว่าจากหนึ่งคนไปหลายคน จากการบอกต่อปากต่อปาก น่าจะเพียงพอให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นอันดับต้นๆ ของแต่ละประเทศ และในส่วนของ Netflix ได้อย่างไม่ยากเท่าไหร่
เล่นกับความอ่อนแอและความกลัวThe Privilege มองเห็นในเราทุกคน

เราอาจปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อคนเรามีความรู้สึก เมื่อนั้นความกลัวย่อมเข้ามาอยู่ใจ ของเราทุกคนอาจแตกต่างเรื่องราวกันไป อย่างสำหรับตัวเดินเรื่อง ฟิน เด็กหนุ่มที่ถือว่า เป็นลูกชายคนเดียวในครอบครัว หนังเริ่มเรื่องจากการทำบรรยากาศให้เหมือน หนังสยองขวัญแนวฆาตกรรมผสม Child’s Play รวมกับ I Know What You Did Last Summer ที่จู่ก็เกิดเหตุการณ์ที่คนดู อาจไม่จำเป็นต้องใส่ใจมาก เดินตามหนังไปเรื่อยๆ
จนเรื่องจะมาถึงจุดที่ The Priviledge บอกข้อมูลทั้งหมดให้กับคนดูมากจนพอประมาณแล้ว คนดูสามารถที่จะคาดการณ์ได้เลยว่า มันเกิดอะไรขึ้น สาเหตุจากอะไร ซึ่งต้องบอกว่าการเดาอาจถูกได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะตอนท้ายทุกอย่างจะเฉลย โดยที่มีบางอย่างที่เราไม่รู้เลย
การรักษา ผีวิญญาณร้าย ลัทธิ และจิตหลอน
ทั้งหมดมีอยู่ในหนังเรื่องนี้ ซึ่งหลายต่อหลายคน ที่ได้ดูแล้วอาจไม่ใช่แนว หรือบอกว่าเรทในการให้คะแนนเรียกว่า ต่ำเกินครึ่ง แต่ในความจริงหากดูไป หนังเรื่องนี้มีการผสมผสารแนวคิดเนื้อหา ที่ปะปนหลายอย่างเข้าด้วยกัน จะเรียกว่าจานอาหารรวมก็ว่าได้ ทั้งแนวเนื้อหาคลั่งลัทธิ ที่เกิดจากการหาลูกบุญธรรม และสืบทอดเจตนารมย์บางอย่างไปเรื่อยๆ
การถ่ายทำ และบรรยากาศก็อิงแนวหนังผี และแนวคิดปมที่มาของปัญหาต่างๆ ก็ใส่ความเป็นวิทยาศาสตร์ลงไปด้วย ดังนั้นถ้าจะถามว่า แอนนาพี่สาวของฟิน เด็กหนุ่ม หรือโซฟี พี่สาวอีกคนของฟิน ที่ตายตามกันไป เกิดจากยาที่มีส่วนเจือปนของเชื้อราเส้นใย ที่เจอได้เฉพาะศพคนตายเท่านั้น
แต่หนังใส่ความหลอนมากกว่านั้น คือ เมื่อใครที่กินเข้าไปนอกจากจะมีตัวเชื้อโรคนี้ ที่ค่อยๆ เติบโตในร่างกายแล้ว ในสมัยโบราณยังถือว่า เป็นการเปิดประตูให้ ผีมาร วิญญาณร้ายเข้ามาในตัวอีกด้วย และเป็นที่มาของคนที่ใกล้ตาย เมื่อกินยาแคปซูลนี้แล้ว ก่อนจบชีวิตต้องมีมีดคว้านในคอตัวเอง ตรงนี้ต้องตามดูว่า เพราะอะไรกัน
จุดตอนจบเหมือนต้องการสานต่อ เพื่อให้มี The Priviledge ภาคต่อไป และเป็นการจบที่รู้ปมของปัญหาทั้งหมดคือ มนุษย์ทุกคนอ่อนแอ และต้องการบางอย่างที่เข้ามาช่วย รักษา หรือเยียวยาจิตใจ และร่างกายให้หลุดพ้นจากสิ่งที่ทำให้เป็นความกลัว
ถือว่าหากเราดูไปเรื่อยๆ ไม่คาดหวังอะไรมาก ก็เรียกว่าไม่แย่จนเกินไป ซึ่งก็เป็นระดับของแนวหนังสยอง ที่อาจไม่จำเป็นต้องคาดหวังอะไรมากมาย แค่ดูแล้วตื่นเต้น สนุกไปเรื่อยๆ จนถึงตอนจบก็พอ