All Together Now หนังที่ดูผิวเผินว่า เป็นเรื่องราวของเด็กวัยรุ่น เราคงนึกภาพว่า น่าจะเป็นแนวไม่มีเนื้อหา ที่เป็นสาระมากมาย แต่กลับตรงกันข้ามในการเปิดเรื่องมา ที่เป็นดนตรีแนวสนุกสนาน แต่พอดูไปไม่เกิน 30 นาที เราถึงรู้ว่าหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่หนังเด็กมัธยมธรรมดา แต่เป็นแนวดราม่าที่ได้แง่คิดที่ดี สำหรับเด็กวัยนี้ทีเดียว
หนังเริ่มต้นในการให้แอมเบอร์ เป็นเด็กผู้หญิงผมดำ ที่กึ่งๆ คล้ายเด็กเอเชียผสมเด็กฝรั่ง ผ่านช่วงต้นเรื่องเราถึงรู้ว่า แอมเบอร์และแม่ไม่มีที่อยู่ ไม่มีบ้าน อาศัยรถโรงเรียนเก่าๆ เป็นที่อยู่อาศัย
สาเหตุง่ายๆ ที่ไม่มีบ้านเป็นที่อยู่ เป็นเพราะแม่ของแอมเบอร์ ไม่อยากให้เข้าไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ เพราะนั่นจะหมายถึง ตัวเธอไม่มีความสามารถที่จะเลี้ยงลูก และนั่นอาจนำพาให้เธอและลูก ต้องพรากจากกัน
ภูมิคุ้มกันที่เด็กควรมีเหมือนอย่าง All Together Now
การเดินเรื่องในแบบ All Together Now ช้าๆ และค่อยๆ ให้คนดูดูดซับ รายละเอียด ความเป็นตัวของเด็กสาว แอมเบอร์ ที่เมื่อเรารู้ว่า เธอมีปัญหาขนาดถึงขั้นไม่มีที่อยู่อาศัย เราจะสงสัยว่าแล้วทำไมเธอถึง ไม่มีความโศกเศร้าในแต่ละวัน แทนที่กลับเป็นเด็กสาว ที่เต็มไปด้วยพลังบวก เสียงหัวเราะ และการพูดหนุน ให้กำลังใจเพื่อนๆ แทน
อาจไม่ใช่เธอไม่รู้สึกถึงปัญหาที่มีอยู่ เพียงแต่เธอไม่ให้สิ่งเหล่านั้น ติดตัวเธอตลอดเวลา แต่เธอกลับมองการฝึกภาษาให้ผู้สูงอายุ การมีกิจกรรมร้องเพลงกับเพื่อน รวมถึงการทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวม เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ แทน
ดีกว่ามั้ยกับการมองเห็นคนอื่นสำคัญกว่า ปัญหาของตัวเอง
แอมเบอร์ถือว่าเป็นตัวอย่าง ของการจัดการความคิด และแก้ปัญหาที่มีอยู่ โดยการไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านั้นมากจนเกินไป แต่หันไปใส่ใจ และช่วยเหลือคนอื่นแทนที่ อาจไม่ใช่การไม่สนใจตัวเองเลย แต่หากปัญหานั้นยังไม่สามารถแก้ได้ในเวลานั้น เพราะแอมเบอร์เคยขอให้แม่และตัวเอง ติดต่อสถานสงเคราะห์ แต่นั่นก็ไม่เป็นความต้องการของแม่เธอเอง
แต่จะดีกว่าหากชีวิตเรา มีใครคนหนึ่งที่สามารถผลักดัน ฉุดเราขึ้นจากความผิดหวัง และความเศร้า เพราะถ้าจะบอกว่าแอมเบอร์เป็นคนเข้มแข็งตลอดเวลา นั่นก็คงไม่ใช่ แต่ในบางเวลาที่เธอแย่มากๆ ก็จะมีทั้งเพื่อน และการร้องเพลงช่วยเธอไว้ได้
แต่เราทุกคนต่างมีข้อเสีย แอมเบอร์ดูเหมือนเป็นเด็กสาวที่เก่ง มากความสามารถ ร้องเพลงได้ดี เป็นผู้นำกิจกรรม แต่ในเวลาที่ต้องกาความช่วยเหลือจริงๆ All Together Now กลับตีแผ่คนเก่งอย่าง แอมเบอร์ให้เห็นว่า เธอมีความเป็นตัวตน พึ่งตัวเอง และไม่รับการช่วยเหลือจากคนอื่น มากจนเกินไป
สิ่งนี้อาจดีในบางเรื่อง แต่ในบางครั้งที่เกินความสามารถของเราเอง มันก็อาจจะเป็นข้อเสียที่พรากคนที่รัก หรือสิ่งที่ค่าที่สุดไปจากเรา อีกทั้งยังทำให้เรามองโลกนี้ โหดร้ายจนเกินไป การเป็นผู้ให้ และยอมเป็นผู้รับในบางครั้ง ก็ไม่ได้ทำให้เราลดความเก่งลง แต่เป็นการแสดงออกให้เห็นว่า เราเคารพ และมองเห็นน้ำใจของคนที่รักเรา
Image credit
https://www.rottentomatoes.com/m/all_together_now_2020
https://screenrant.com/all-together-now-netflix-movie-cast-character-guide/