The Power of Dog ถือว่าเป็นหนังคาวบอย ที่หากใครได้ดูทาง Netflix แล้วจะรู้ได้เลยว่า ไม่ใช่แนวดวลยิงปืน หรือการขี่ม้าตามล่ากัน เพื่อที่จะพิสูจน์ความเก่งกล้าทางฝีมือ หรือการต่อสู้ แต่เป็นหนังแนวชีวิต ที่อาจเรียกได้ว่าผิดคาดสำหรับใครหลายคน ที่ดูภาพโปรโมทเรื่องนี้เท่านั้น
ถือว่าจะเป็นเนื้อหาที่ดูได้เรื่อยๆ จนถึงตอนจบ หากใครไม่อยากที่จะคิดมาก ไปกับเนื้อหาดราม่าของเรื่องนี้ แต่ถ้าเจาะลึกลงในรายละเอียดแต่ละซีน แต่ละเหตุการณ์ในหนัง ก็ทำให้เราได้แง่คิดอะไรกลับไปได้เยอะทีเดียว
การเคารพนับถือใน The Power of Dog มองกันแค่ภายนอกเท่านั้น
สิ่งที่เราเห็นเด่นชัดที่สุด สำหรับครอบครัวคาวบอย และเจ้าของฟาร์มโคที่ใหญ่ที่สุด พี่ชายคนโตของครอบครัว ที่รับหน้าที่ดูแลทุกอย่างต่อ ฟิล และน้องชาย จอร์ช ซึ่งหากไม่มองปัญหาอย่างอื่น ก็จะเห็นเพียงแค่นิสัยของ สองพี่น้องคู่นี้ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ฟิล พี่ชายที่ต้องดูแลทุกอย่าง และถือว่าเป็นครอบครัวที่พ่อแม่ ทิ้งสมบัติคือฟาร์มขนาดใหญ่ให้ดูแล ดังนั้นทำให้ตัวเขามีบุคลิกที่มีอำนาจ เถื่อน และทุกอย่างที่เป็นความคิดตัวเอง จะต้องถูกเสมอ ซึ่งนั่นไม่แปลกสำหรับพี่คนโต ที่มีหน้าที่จัดการทุกอย่างในครอบครัว
ส่วนน้องชายจอร์ช ที่ถือว่าเป็นมีการแสดงออก นิสัยที่ไม่เน้นความรุนแรง และเชื่อคนง่าย ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุให้ ฟีลคิดไปว่าผู้หญิงที่จอร์ชเอาเข้ามาในบ้าน ในฐานะคนรักและเป็น แม่ม่ายลูกติดนั้น ต้องการมาหลอก และปอกลอกตัวน้องชายเขา
ในงานเลี้ยงที่จัดขึ้น แขกที่เชิญมาจึงมีท่าทีดูถูก และไม่ให้ความนับถือ ภรรยาของจอร์ชเลย แต่สำหรับฟีลที่เนื้อตัวสกปรกจากการทำงาน ผู้คนในงานกลับให้ความเคารพ และให้เกียรติ เพราะมองเห็นว่าเขาคือ ผู้ที่ดูแลกิจการขนาดใหญ่ และมีมูลค่ามหาศาล อีกทั้งการมองแต่ภายนอกยังมีผลกระทบรวมถึง ลูกชายของโรส ภรรยาคนใหม่ของจอร์ชอีกด้วย
ตีแผ่อิสระในเรื่องเพศ และไม่มีที่ไหนปราศจากความแตกต่าง
หนังเรื่องนี้พยายามหยิบยก ปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นในสังคม ถึงแม้ในหนังจะอ้างถึงปี 1925 แต่หากเราดูในยุคสมัยนี้ ก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากสิ่งที่เกิดในหนังเลย ทั้งการรักเพศเดียวกันของฟิล ที่ปกปิดเอาไว้กับคนที่มีบุญคุณ ในการสร้างผืนดินแห่งนี้ ที่ให้ตัวเขาและครอบครัวได้มีฐานะกัน
รวมถึงความไม่เข้าใจในตัวปีเตอร์ ลูกชายของโรส ที่ฟิลมองภายนอกเหมือนผู้ชาย ที่ทำตัวเหมือนผู้หญิง รูปร่างบอบบาง ชอบจัดดอกไม้ แต่สุดท้ายแล้วกลับค่อยๆ เข้ากันได้ดี จากการที่ฟิลพาปีเตอร์ ไปทำกิจกรรมที่ผู้ชายทำกัน ไม่ว่าจะเป็นการล่าสัตว์ หรือขึ้นเขา นั่นก็เป็นเรื่องดีแค่ส่วนเดียว ที่ทำให้ครอบครัวไม่มีความแตกแยก แต่ก็ไม่ได้ทำให้โรส แม่ของปีเตอร์วางใจเท่าไหร่ เพราะไม่วางใจตัวฟีล เพราะรู้ว่าฟีลไม่ชอบตัวเธอ ทั้งพื้นฐานครอบครัวเธอ และความไม่วางใจตั้งแต่แรก
สิ่งที่เราเห็นแน่ๆ คือในครอบครัวหนึ่ง ที่หากเจอความแตกแยก หรือไม่เข้าใจอย่าง The Power of Dog ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะแม้กระทั่งพี่น้องอย่างฟิล และจอร์ชก็ยังแตกต่างกันทั้งนิสัย และการตอบสนองต่อสิ่งที่มากระทบ สำคัญแค่เมื่อเจอความแตกต่างกันในครอบครัว เราจะทำให้ดูเป็นเรื่องเล็กน้อยที่สุด หรือจะทำให้เกิดรอยร้าวในครอบครัวมากกว่าเดิม
Image Credit
https://www.aniblogshere.com/movie-review-the-power-of-the-dog-2021/