Resort to Love ถือว่าเป็นหนังรัก ที่ไม่ไร้สาระแบบหวานแหววไม่มีเหตุผล เพราะเหมือนเป็นช่วงความรัก ของคนวัยที่ต้องการสร้างเนื้อสร้างตัว แต่ก็ไม่มองข้ามความโรแมนติกที่ควรจะมีในหนังประเภทนี้ และยังถือว่าเป็นหนังของคนผิวสี ที่น่าสนใจ และเหมาะที่จะมาดูในช่วงวันหยุดยาวๆ
รวมถึงใครที่ผ่านความไม่สมหวังในเรื่องรักๆ หรือแม้กระทั่งความรู้สึกที่เราเหมือนโดนหักอก แต่อีกฝ่ายกลับรู้สึกว่า เรายังไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย ความรู้สึกเหมือนรักข้างเดียวอาจยิ่งทำให้เสียความเชื่อมั่นตัวเองมากไปกว่าเดิมอีก
ตัวละครเรื่องนี้ไม่ได้มีมากมาย ทำให้จำทั้งตัวคนเล่น และชื่อตัวละครได้ง่าย และสามารถดูได้แบบละสายตาไปหยิบจับของใกล้ตัว หรือเดินไปหาขนมกินเล่นไปพร้อมกับดูหนังเรื่องนี้ ได้แบบยังตามเนื้อเรื่องได้อยู่
เอริก้า สาวผิวสีที่ยิ่งดูเธอเล่นในเรื่องนี้ ยิ่งเกิดความรู้สึกว่า เธอจะมีออร่าให้ดูสวย และมีเสน่ห์มากขึ้นตามช่วงเวลาที่หนังเรื่องนี้เล่นไปเรื่อยๆ อาจเพราะสาเหตุช่วงแรกของหนัง เป็นอารมณ์ที่เหมือนเธอมีแต่ร่างแต่ไม่มีหัวใจ หรือวิญญาณความอยากที่จะทำอะไรดีๆ กับตัวเองหายไปหมด
เหตุการณ์ร้ายๆ ทุกอย่างถาโถมมาหาเธอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานร้องเพลงไม่เป็นไปอย่างที่หวัง การได้ร่วมงานเพลงกับศิลปินดัง แต่กลับล้มพับไม่เป็นท่า ที่สำคัญคนที่เธอรักอย่างเจสัน ก็สร้างความเซอร์ไพร์สให้กับเธอ ด้วยการล้มงานแต่งที่คิดว่า จะลงหลักปักฐานกับคนนี้แน่นอน แต่อย่างว่าอกหักอาจทำให้คนเราไม่ถึงตาย แต่ก็ทำให้คนอย่างเอริก้าไปไม่เป็นได้เหมือนกัน หากไม่มีเพื่อนรักอย่าง แอมเบอร์ ที่บอกว่าควรลุกขึ้น และทำงานที่ตัวเองชอบอย่างการร้องเพลงได้แล้ว
ทุกอย่างก็ยังไม่ได้สมหวังไปอย่างที่เราต้องการใน Resort to Love
การที่เพื่อนรักของเอริก้า หนุนใจให้เธอลุกขึ้นจากความรู้สึกช้ำรักครั้งนี้ ก็ไม่ได้ทำให้เอริก้าหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ เหมือนความรู้สึกที่เราทุกคน หลังจากที่เลิกกับใครสักคนใหม่ ๆ เหมือนลืมได้แต่เป็นการกลบความรู้สึกนั้น เหมือนคนที่ยังไม่ลืม แต่ปากแข็งบอกว่า ไม่สนใจแล้ว
เพราะเมื่อเอริก้าเธอได้งานร้องเพลงใหม่ ที่เกาะแห่งหนึ่งที่ไกลจากตัวเมือง ที่เธอเคยชินในการอยู่อาศัยกับสถานที่ๆ เจริญทุกอย่าง มาครั้งนี้การเปลี่ยนที่ทาง ทั้งที่อยู่อาศัย และการงานอาจทำให้เธอลืมเจสันได้ แต่ในช่วงแรกๆ ที่ Resort to Love ค่อยๆ ปรับเอริก้าให้เราได้เห็นคือ ความเสียใจที่ยังอยู่กับตัวเธออยู่ ในเวลาร้องเพลงรักให้กับคู่บ่าวสาวที่มาฉลองในโรงแรมที่เกาะแห่งนี้ เราคงงงที่เพลงรักในงานแต่ง กับทำให้คนร้องไม่ได้มีอารมณ์ร่วมด้วย และออกอาการเหมือนร้องเพลงอกหักมากกว่า
เปิดหัวใจ ปล่อยให้สิ่งแวดล้อมรอบตัว และคนใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต
แต่คนเราไม่สามารถที่จะอยู่กับอะไรเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกเดิมๆ หรือตัวตนเดิมๆ ที่คอยทำร้ายความรู้สึกตัวเองไปได้ตลอด เอริก้าเป็นตัวอย่างหนึ่งที่เรามองเห็น ทั้งตัวของเคเล็บพี่ชายของเจสัน ที่จู่ๆ ก็มาเจอกับเอริก้าบนเกาะ ด้วยเหตุการณ์ที่เข้ามาช่วยชีวิตเธอไม่ให้จมน้ำ
ถึงแม้เคเล็บอาจไม่ใช่ตัวละครสำคัญในตอนแรก ที่จะดึงเอริก้าออกจากความรู้สึกโศกเศร้าได้ แต่ในหลายคำพูดก็เป็นการสะกิดให้ เอริก้าได้หวนกลับมาคิดถึงตัวเอง ในมุมที่ควรจะปรับปรุง และค่อยๆ พาเอริก้าข้ามพาปมในใจ ที่ไม่อยากเห็นงานแต่ง ไม่อยากร้องเพลงให้คู่บ่าวสาว รวมถึงการทดสอบคราวนี้เป็นสิ่งที่ยากสำหรับเอริก้า กับการต้องยืนร้องเพลงรัก ให้กับงานแต่งของเจสัน ที่หนังเหมือนต้องการบอกว่า อะไรที่เคยเป็นตะกอนในใจเรา และเรายังไม่ทำความสะอาด หรือกลัวสิ่งๆ นั้นจนเหมือนเก็บซ่อนไว้จนลึกสุดใจแล้ว ในที่สุดเราก็ต้องยอมรับ และกล้าที่จะเผชิญกับมัน
เราอาจจะดูเหมือนหลายฉาก หรือหลายเหตุการณ์ที่หนังทำเหมือนแนวรักโรแมนติกทั่วไป ที่สร้างเหตุการณ์เหมือนไม่ตั้งใจ อย่างการให้เอริก้ามาเจอกับพี่ชายของเจสัน และสุดท้ายก็รักกัน หรือการที่เธอต้องเจอกับเจสันบนเกาะ ที่เธออุตส่าห์หนีมาไกลแล้ว ก็ยังมาเจอคู่กรณีที่เธอไม่ต้องการเห็นหน้าอีก
แต่ Resort to Love จงใจยื่นอุปสรรคให้กับตัวละครอย่างเอริก้า เพื่อให้เราเห็นว่า ชีวิตเรามันไม่ได้ราบรื่นตั้งแต่ต้นจนจบ รวมถึงหากเราซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองจริงๆ ลืมไม่ได้ก็ยอมรับกับตัวเองว่า ยังรักอยู่ แต่สักวันต้องเข้าใจา ความรักของตัวเธอไปกับเจสันไม่ได้จริงๆ และการเปิดใจตัวเองยอมรับ และยอมเข้าใจโลกความเป็นจริง จะทำให้เราไม่ต้องผูกติดกับความเสียใจนั้นไปตลอด