Coda หนังฟีลกู๊ดอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ที่ไม่ว่าเราจะเป็นสายดูหนังแนวไหนก็ตาม เพราะอย่างน้อยที่สุด เรื่องนี้ก็ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม หรือ Best Picture ของออสการ์มาครองในปี 2021 ที่ผ่านมา รวมถึงเป็นลำดับต้นๆ ที่มีผู้ดูเป็นจำนวนมากใน Netflix อีกด้วย และหากใครงงว่า ครอบครัวของนางเอกอย่าง รูบี้นั้นหูหนวกกันทุกคนหรือเปล่า ต้องบอกว่ามีเพียงนางเอกเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถได้ยิน และพูดได้ นอกนั้นทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ และพี่ชายของเธอ ต่างมีความบกพร่องในการได้ยินทั้งหมด
เราจะต้องยอมรับว่า ในสังคมเราบางประเทศ ผู้พิการอาจจะโดนละเลย หรือโดนมองข้าม และรวมถึงการโดนเอาเปรียบอย่างในหนังเรื่องนี้ ในซีนที่พี่ชายของเธอ กำลังขายปลาที่ออกเรือจับมาได้ เพราะครอบครัวนางเอก ทำอาชีพประมง และมีเรือหาปลาเป็นของตัวเอง แต่ในเวลาที่นำปลาขึ้นมาขายบนฝั่ง กลับโดนกดราคา เพียงเพราะคนที่มาซื้อรู้ว่า ครอบครัวนี้ไม่ได้ยินราคาต่อรอง หรือราคาที่ซื้อขายของคนอื่น และในขณะเดียวกัน นางเอกรูบี้ก็เดินผ่าน และบอกพี่ชายว่า เขาโดนคนที่มาซื้อกดราคา ซึ่งนั่นก็ไม่ได้สร้างความพอใจให้กับพี่ชายมากนัก เพราะเหมือนเป็นการตอกหน้าเขากับคนอื่นว่า ตัวลีโอ หรือพี่ชายรูบี้นั้น ไม่ได้เรื่องโดนหลอกง่ายๆ
Coda พรสวรรค์มักมากับความไม่พร้อมในบางอย่าง
เรามักสงสัยกันหรือเปล่าว่า ทำไมบางคนขาดอะไรบางอย่าง แต่ก็มีการเติมเต็มให้กับเขาเหล่านั้นในบางอย่างทดแทน อย่างเช่น บางคนที่มองไม่เห็น แต่กลับมีการได้ยินเป็นเลิศ หรือบางคนที่เป็นออสทิสติกแต่กลับเก่งเรื่องคำนวณ เพราะทุกอย่างไม่มีอะไรสมบูรณ์ไปหมด รวมถึงเราทุกคนด้วย และก็ไม่มีอะไรที่แย่ไปหมดทุกอย่าง ดังนั้นสิ่งที่รูบี้ขาด ทั้งเวลาในการเข้าเรียน เพราะต้องคอยช่วยที่บ้าน ในการออกหาปลา และช่วยงานขายปลา เพราะเธอคนเดียว ที่สามารถได้ยินเสียง และพูดคุยกับลูกค้าได้ เลยทำให้เธอกลับมีพรสวรรค์อย่างหนี่ง ที่คนอื่นก็มีไม่ได้เท่ากับเธอ คือเสียงที่เพราะ และทักษะการร้องเพลงที่ไม่มีใครปฏิเสธเสียงของเธอได้
ในหนังเรื่องนี้มีการดัดแปลงบทภาพยนตร์จากฝรั่งเศส ที่มีการทำมาก่อนเรื่อง La Famille Belier แต่สำหรับบทหนังที่ทำออกมา Coda มีการเติมรายละเอียดปลีกย่อย โดยให้รูบี้มีปัญหาทางด้านการเงิน และครอบครัวมีความยากจนร่วมด้วย และสิ่งนี้ก็เป็นทางแยก ที่บังคับให้รูบี้ต้องตัดสินใจระหว่าง การเรียนต่อ รวมถึงการร้องเพลงที่เป็นทางที่เธอรัก กับงานที่บ้าน กับความรับผิดชอบต่อครอบครัว สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องเลือกครอบครัวมาเป็นอันดับแรก
สองด้านที่คนเราทุกคนต้องเจอ และไม่สามารถหนีพ้น
นอกจากหนังเรื่องนี้ จะคล้ายกับ หนัง musical ที่มีเพลงประกอบให้รูบี้ได้ร้องอยู่ตลอดทั้งเรื่อง แต่ก็ไม่มากจนกลบความเป็นเนื้อหาหลัก ที่ต้องการสื่อให้เห็นความลำบาก ในเส้นทางของนางเอกของเรา รวมถึงเหมาะที่จะเป็นหนังให้เราดู ในช่วงที่ทั้งโลกเจอกับปัญหาต่างๆ นานา และเราทุกคนอาจเจอปัญหาพร้อมๆ กันหลายเรื่อง
ชีวิตของรูบี้ รวมถึงเราทุกคนไม่มีใครเจอแต่ความสุข หรือเรื่องราวสมหวังตลอดชีวิต หรือทุกวัน และในอีกทางหนี่งคือ ก็ไม่มีใครที่จะเจอเรื่องเลวร้ายในทุกวัน หรือตลอดไปเหมือนกัน ดังนั้นเหมือนทั้งคนเขียนบท และตัวละครรูบี้ บอกเราให้รู้ว่า หากวันนี้ที่เราเจอกับอะไร ที่หาทางไปไม่ถูก หรือเจอทางตัน อีกวันก็จะเจอกับทางแก้ หรือทางออก เราทุกคนมีสิทธิที่จะเจอเรื่องราวทั้งสมหวัง และผิดหวังกันทั้งนั้น
ท้ายสุดหนังยังใส่ใจถึง กลุ่มคนหูหนวก ในขณะที่รูบี้ร้องเพลงบนเวที และมีแต่คนนั่งชื่นชม และฟังเพลงที่เธอร้องด้วยความชื่นชม ในขณะเดียวกันพ่อ แม่ และพี่ชายเธอ ที่หนังใส่ช่วงเวลาให้เราได้รับรู้ถึง โลกแห่งความเงียบของเขาเหล่านั้น ว่าเหมือนอยู่กันคนละโลกจริงๆ Coda แต่ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่หลังจากนั้นที่พ่อของเธอ ขอร้องให้รูบี้ร้องเพลงนั้นให้ฟังอีกรอบ และรอบนี้ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียงเหมือนเดิม แต่พ่อของเธอจับคำร้องที่ออกจากปากของเธอ และฟังด้วยหัวใจ และความรู้สึก ซี่งไม่มีอะไรที่จะขัดขวางการได้ยิน ที่อาจจะไม่ได้ยินจากทางหู แต่จับเสียงได้จากหัวใจ และหลายๆ ครั้งสิ่งที่มองไม่เห็น หรือไม่ได้ยินเป็นคำพูด กลับมีความสำคัญมากกว่า วัตถุที่มองเห็น หรือคำพูดที่เราได้ยินเสียอีก
