Dancing on Glass จะมองว่าเป็นหนังสเปนที่เกี่ยวกับงานศิลปะ อย่างการเต้นบัลเลต์อาจจะเป็นไปอย่างที่คนดูได้เห็นกัน แต่ไม่ว่าที่ไหนมีการแข่งขัน และแก่งแย่งรวมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเกี่ยวกับงานศิลปะ ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่มาจากความรู้สึก การแสดงออกของคนกลุ่มนั้นเพียงอย่างเดียว เพราะอาจมีวิธีที่สกปรกให้นำมาซึ่ง สิ่งที่เราต้องการ หรือแย่งสิ่งที่ดีที่สุดจากอีกคน ไม่ว่าวิธีทางใดก็ตาม
หนังหากเราดูแล้วอินเข้าไปในตัวละครอย่าง อิเรเน่ที่ได้รับบทตัวเด่นของเรื่องนี้แล้ว รวมถึงสิ่งที่คนดูแล ควบคุมการแสดงนี้สอน และกำกับ เราอาจจะรู้สึกถึงความกดดัน และความอึดอัด ที่ทุกท่วงท่า และการแสดงออกทางร่างกาย ต้องให้ดูสมบูรณ์แบบที่สุด รวมถึงการดูแลรูปร่าง และควบคุมน้ำหนักของตัวเองด้วย
Dancing on Glass ให้เราได้รู้ว่าจุดที่เด่นที่สุด ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด
หากดูหนังเรื่องนี้เหมือนกับนิยายคลาสสิก อย่างซินเดอเรลล่าก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะความรู้สึกนี้เริ่มได้ตั้งแต่ช่วงแรกของหนังเลยทีเดียว กับการที่อิเรเน่ได้รับบทบาทในการแสดงบัลเลต์แทนมาเรีย ในบทตัวละครที่เด่นที่สุด
ละครบัลเลต์ที่เธอเข้าไปร่วมทดสอบกับนักบัลเลต์คนอื่นๆ อย่างตัวจีเซล ที่ถือว่าเป็นตัวละครที่มากด้วย อารมณ์ ความรู้สึก และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะแสดงออกมาเพื่อให้คนดูเกิดแรงบันดาลใจร่วมด้วย
แต่นอกจากตัวอิเรเน่ ที่มารับบทบาทของจีเซลแล้วนั้น ยังมีนักเต้นอีกคน ที่เราลองถามตัวเองดูว่า หากมีปานแดงเด่นชัดบนใบหน้า เราจะสามารถมีความมั่นใจได้เท่ากับ ออโรร่า หญิงสาวที่เมื่อไหร่ได้เต้นบัลเลต์ เธอจะเปลี่ยนเป็นคนละคน กับออโรร่า ที่ไม่กล้าสุงสิงกับคนหมู่มาก รวมถึงคิดว่าคนอื่นๆ จะรังเกียจเธอในเรื่องปานบนใบหน้า แต่กลับกันในการเต้นเพื่อทดสอบละครจีเซลเรื่องนี้ เธอกับได้รับการจดจำ และวางเป็นตัวละครที่คอยช่วยเหลือจีเซล
ที่แปลกมากกว่านั้นคือ เมื่อไหร่ที่เธอจมดิ่งลงลึกกับการเต้น และเข้าใจถึงความรู้สึกของเพลง และตัวละครที่เธอสวมบทบาท เธอจะเหมือนอยู่ในโลกของตัวเอง ที่ไม่มีความกดดัน หรือโลกแห่งความจริงที่คอยมาทำร้ายเธอเลย นั่นคือเทคนิค หรือความลับที่เธอยอมบอกเฉพาะกับอิเรเน่เท่านั้น แต่มากกว่านั้น เธอยังบอกสิ่งหนี่งกับอิเรเน่ว่า การที่ได้มาสวมบทบาทเป็นจีเซล ตัวละครที่มีแต่คนหมายปอง และแก่งแย่งนั้น รวมถึงตัวอิเรเน่ได้รับบทนี้ไปอย่างที่ทุกคนก็ตั้งตัวไม่ทัน ไม่ได้เป็นเรื่องดีกับตัวของอิเรเน่เลย
ความอิจฉาแฝงตัวอยู่ภายใต้ความเงียบสงบ
เราจะรู้ได้ยังไงว่าเพื่อนที่เราเห็นๆ หน้ากันอยู่ แต่เป็นคนที่เรารู้ใจด้วย เพราะหลังจากที่ออโรร่า พูดถึงเรื่องบทบาทที่อิเรเน่ได้รับคือ บทของจีเซลนั้นรวมถึงการบอกให้อิเรเน่ได้เตรียมตัวว่า จะเกิดการทำร้ายเธอทั้งต่อหน้า และลับหลัง เพราะเธอแย่งบทจีเซลที่ใครหลายคนต้องการ
สิ่งที่ออโรร่าพูดมาไม่ได้เป็นเพียง ความกังวลหรือมองโลกในแง่ร้ายเท่านั้น แต่เป็นเรื่องจริง เมื่อหลังจากการซ้อม และมีการเปลี่ยนชุดเพื่ออาบน้ำ ได้มีการแกล้งเรียกให้อิเรเน่เข้าอาบน้ำในห้องน้ำที่ว่างอยู่ แต่ทันทีที่เท้าของเธอเหยียบลงพื้นห้องน้ำ ทำให้เราได้เห็นว่า มีเศษกระจกที่แกล้งโรยเต็มพื้น เพื่อให้เท้าของอิเรเน่บาดเจ็บ และนั่นอาจจะเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ว่า เพื่อนที่อิเรเน่เห็นๆ กันอาจเป็นเพียงเพื่อนที่รู้หน้า แต่ไม่รู้ใจเลย
เมื่อเรามองดูในรายละเอียดของ Dancing on Glass แล้วเราจะได้เห็นแต่ละก้าว ของการกว่าจะได้มาเป็นนักเต้นบัลเลต์ ที่เราเห็นทั้งจากในหนัง หรือในละครเพลงต่างๆ ที่มีความสวยงามทั้งท่าทางการเต้น รูปร่างที่สมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ แต่เบื้องหลังที่เมื่อแต่ละคนกลับบ้านไป คลายผ้าที่พันเท้าอย่างออโรร่า นิ้วที่บวม ช้ำเลือด ในแบบที่เราเห็นแล้วคิดว่า คงไม่สามารถเต้นต่อไปได้ในวันรุ่งขึ้น แต่ความเป็นจริงคนเหล่านี้ต้องเต้นให้ได้ไม่ว่าจะเป็นวันไหนก็ตาม
ทำให้รู้ว่าไม่ว่าจะเป็นอาชีพการงาน หรืองานศิลปะบางอย่างนั้น ไม่เพียงแต่ความน่าสนใจในตัวของมันเองเท่านั้น แต่เป็นที่แต่ละคน ต่างต้องเกิดมาเพื่อที่จะเป็น หรือเกิดมาเพื่อให้มีพรสวรรค์ในเรื่องนั้นๆ ด้วย เพราะเพียงแค่ความพยายาม และอดทนคงไม่พอ สิ่งสำคัญมากที่สุดคือ ความรักที่จะทำ และหลงเสน่ห์ในสิ่งที่ทำร่วมด้วย