Annie หนังที่มีเนื้อหาให้กำลังใจ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า ฟีลกู๊ดนั้นไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ก็ยังถือว่าร่วมสมัย และนำกลับมาดูได้ซ้ำๆ ที่สำคัญคือ หนังแบบนี้มีความวิเศษ หากเราตั้งใจดู และโฟกัสกับตัวหนังจริงๆ แล้ว เมื่อดูจบแล้วหันกลับมามองที่ตัวเราเอง โดยเฉพาะช่วงที่เหมือนมีแต่ปัญหาหนักๆ เข้ามา และแก้ไขอะไรไม่ได้ ทำให้เรามองความใหญ่ของปัญหา ที่ตรงข้ามกับก่อนที่เราจะดูหนังประเภทนี้
แอนนี่ เด็กหญิงผิวสี ที่มีลักษณะโดดเด่นตรงที่ มีทรงผมที่ฟู เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว หากมองไปที่ตัวเธอ และเก็บปัญหาที่เธอได้รับมาตั้งแต่อายุแค่นี้ เป็นเราคงต้องบอกว่าเครียด และท้อแท้กับชีวิตอย่างแน่นอน เพราะแอนนี่เป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยงโดย คอลลีน ที่เล่นโดยคาเมรอน ดิแอซ ในบ้านพักของคอลลีนนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่แอนนี่คนเดียว แต่มีเด็กที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับเธอ คือ ไม่รู้ว่าพ่อแม่ตัวเองคือใคร โดนทิ้งบ้าน หรือคอลลีนไปรับมาจากสถานเลี้ยงเด็ก เพื่อที่จะสามารถเปิดเป็นมูลนิธิ เพื่อรับเงินบริจาคได้ ทุกวันที่แอนนี่จะต้องโดนคอลลีน พูดให้รู้สึกว่าตัวเธอคือ เด็กที่โดนทิ้ง และถ้าไม่ได้รับมาเลี้ยงในที่พักตรงนี้ แอนนี่ก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหน
Annie บอกให้เราปล่อยวางหากเรื่องนั้นมันหนักเกินไป หรือแก้ไขไม่ได้
ทุกปัญหาที่เข้ามาในชีวิตเรา ใช่ว่าตัวเราจะเป็นผู้วิเศษแก้ไข และหาทางออกได้ทุกเรื่อง บางเรื่องก็เกินความสามารถของตัวเราเอง และอีกหลายเรื่องก็ต้องอาศัยเวลา เป็นตัวให้คำตอบ หรือทางออกที่ดี แต่อาจไม่ใช่เวลาที่เราต้องการ Annie ก็ใช้วิธีแบบนั้น โดยการที่ตัวเธอรู้สถานะตัวเองว่า เป็นเด็กที่ไม่รู้พ่อแม่เป็นใคร ในบางวันที่เธอยังพอมีเวลาเหลือก่อนกลับบ้าน เธอจะต้องไปนั่งรออยู่หน้าร้านอาหารหรู เพื่อที่จะถามพนักงานเสิร์ฟว่า เห็นพ่อแม่ของเธอ หรือคนนามสกุลลินซีย์เข้ามาในร้านบ้างมั้ย เพราะอาจเป็นสถานที่สุดท้าย ที่แอนนี่โดนทิ้งไว้ที่นี่
เธอทำได้แค่นั้น นอกเหนือจากนั้นก็คือ การกลับบ้านที่คอลลีนเป็นเจ้าของ และคอยพูดจาตอกย้ำ ถึงความไม่มีใครเอา เพื่อให้นึกถึงบุญคุณ และทำตัวให้ดี รวมถึงความเครียดที่ไม่มีเงินบริจาคเข้ามาเลย ก็ยิ่งทำให้ตัวของคอลลีนนอกจากจะระบายอารมณ์ใส่เด็กในที่พักแล้ว ยังไม่คิดทำอะไรเพิ่มเติมนอกจากกินเหล้าเมา แต่ใครจะรู้ว่าวันหนึ่ง จะมีเรื่องเซอร์ไพร์สเกิดขึ้นกับเด็กที่อยู่ในการดูแลของเธอ
สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในชีวิตเรามีมาตลอด เพียงแต่อย่าท้อกับชีวิต
ใคราหลายคนเฝ้ารอวันที่เขาจะถูกรางวัลใหญ่ สำหรับการซื้ออะไรที่เสี่ยงโชค แต่ก็ไม่เคยได้รับรางวัลนั้นจนอายุมากแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่จะมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับชีวิตเราในตอนไหน เพียงแต่ทั้งปัญหา หรือความยากทุกเรื่องที่เข้ามา ให้เราผ่านไปให้ได้ อาจจะด้วยการแก้ไข หรือมองเพียงเรื่องที่ผ่านเข้ามาได้ ก็ผ่านไปได้
เราจะเห็นว่าแอนนี่ก็ไม่ใช่เด็กเก่ง หรือสามารถแก้ไขทุกเรื่องที่ยากลำบากได้ เธอเป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้ร่ำรวย หรือมีครอบครัว พ่อแม่ที่คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ มีบางครั้งที่เธอก็เหนื่อย และท้อรวมถึงหมดหวังเหมือนเราทุกคนได้ แต่ช่วงเวลาแว๊บเดียวเราต้องเปลี่ยนความรู้สึกเหล่านั้น ออกจากหัว และตัวเราให้หมด เพราะโลกหมุนตัวเราต้องหมุนตามโลกไปด้วย
ในวันหนึ่งแอนนี่ก็เจอกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเธอไปตลอด การเดินชนกับผู้ลงสมัคร หรือนักการเมืองอย่างวิลเลียม สแต็ก ซึ่งถ้าจะมองภาพรวมแล้ว คนๆ นี่ก็เหมือนนักการเมืองที่หิวเงิน และต้องการเข้ามาเป็นทั้งนายกเทศมนตรี หรือมากกว่านั้นอย่างประธานาธิบดีได้ก็ดี ไม่ได้เห็นคุณค่าของคนเท่าไหร่ เพียงแต่ต้องทำภาพลักษณ์ออกมาให้น่าประทับใจ และกลายเป็นว่า การที่วันนั้นตัวเขาช่วยอุ้มแอนนี่จากการที่เดินชนกัน เพื่อให้แอนนี่พ้นจากการโดนรถชน กลายเป็นตัวเพิ่มคะแนนเสียงให้กับสแต็กอย่างไม่คาดคิด จนเลยเถิดมาถึงการรัแอนนี่มาอยู่ด้วยกัน เพื่อให้ฐานคะแนนเสียงชนะคู่แข่ง
ตอนจบของหนังฟีลกู๊ดแบบนี้เราคงไม่ต้องเดาให้ยาก แต่สิ่งที่ต้องตั้งใจดูก็คือ การมาเจอกันระหว่างนักการเมืองหิวเงิน และอำนาจ กับแอนนี่เด็กสาวที่ไม่มีอะไรให้เสีย ทำให้คนทั้งคู่มีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง หรือช่วยเหลือกันในเรื่องอะไรได้บ้าง อย่างเรื่อง Annie ในบางครั้งเราก็ต้องเชื่อว่า การเกิดขึ้นของเหตุการณ์ทุกอย่างในชีวิต หรือการได้เจอกับใครเข้ามาในชีวิตของเรา คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะสิ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้น ล้วนแล้วแต่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับ ความคิด และเป็นประสบการณ์เพื่อใช้ชีวิตต่อไปของเรา
อ่านบทความเพิ่มเติม
https://nungdu.com/
เครดิตภาพ
https://google.com/